10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์

4396
0
Share:

? 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามและเงียบสงบไม่แพ้ที่ไหน ๆ ในโลก มีธรรมชาติสวยงามสะกดใจ อลังการ การคมนาคมด้วยรถไฟแสนสะดวก ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและใจดี ขึ้นชื่อเรื่องนาฬิกาคุณภาพ มีความเป็นกลางในด้านการเมือง การเงิน การธนาคาร วันนี้ทราวิสโกมี 10 ที่เที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน มาฝากกัน

 

1.ภูเขาพิลาทุส (Mount Pilatus)

ภูเขาพิลาทุส หรือภูเขามังกร เป็นยอดเขาคู่บ้านคู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เปรียบเหมือนอัญมณีอันงดงามและยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ซึ่งมียอดเขาหลายจุด แต่จุดที่สูงที่สุดคือ Tomlishorn มีความสูงอยู่ที่ 2,128 เมตร รองลงมาคือ Esel สูง 2,119 เมตร เราจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบลูเซิร์น ทะเลสาบสี่พันธรัฐ รวมทั้งความงดงามของแนวเทือกเขาแอลป์ที่งดงามราวกับเป็นภาพวาด เราจะได้สัมผัสความประทับใจด้วยการนั่งรถไฟสาย Pilatus Railway ขึ้นเขา ซึ่งเป็นรถไฟสายที่สูงชันที่สุดในโลกที่สร้างตั้งแต่ปี 2432 ที่รถไฟยังคงเป็นแบบจักรไอน้ำอยู่ในปัจจุบัน


2. รถไฟสายโรแมนติก (Bernina Express)

รถไฟสาย Bernina Express เป็นสายที่เชื่อมต่อตั้งแต่เมือง Chur ของสวิตเซอร์แลนด์ ไปจนถึงเมือง Poschiavo และ Tirano ของอิตาลี โดยรถไฟสายนี้จะวิ่งเลาะผ่านเทือกเขา Swiss Engadin Alps เป็นรถไฟสายที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นรถไฟเส้นทางสายมรดกโลกเมื่อปี 2008 รถไฟจะวิ่งจากเมือง Chur ไป Tirano โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ข้ามสะพาน 196 แห่ง 55 อุโมงค์ โดยผ่าน Bernina Pass ของเทือกเขาแอลป์ที่ความสูง 2,253 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่งของโลก

 

3.น้ำตกไรน์ (Rhein Fall)

อีก 1 สถานที่สุดฮิตในสวิตเซอร์แลนด์ ก็คือ น้ำตกไรน์ น้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์บริเวณทางเหนือของนครซือริช บริเวณพรมแดนระหว่างรัฐชัฟเฮาเซินกับรัฐซือริชในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีอายุกว่า 1 หมื่นปี น้ำตกแห่งนี้มีความกว้าง 150 เมตรและสูง 23 เมตร ในช่วงฤดูหนาวจะมีปริมาณน้ำเฉลี่ยราว 250 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที และในฤดูร้อนจะมีน้ำเฉลี่ยมากถึง 700 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที

 

4.น้ำพุเจ็ทโด้ (Jet d’Eau) 

หนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองเจนีวา (Geneva) ก็คือ น้ำพุเจ็ทโด้ เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) มีเปลวน้ำออกมามากถึง 500 ลิตรต่อวินาที พวยพุ่งออกจากหัวฉีดที่ความเร็ว 200 ก.ม./ช.ม. และสูงถึง 140 เมตรได้ด้วยปั๊มขนาด 500 กิโลวัตต์ ที่ถูกควบคุมด้วยกำลังไฟ 2,400 โวลต์ โดยน้ำพุแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์อยู่คู่เจนีวามากกว่าร้อยปีแล้วตั้งแต่ปี 1886 วัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดแรงดันในระบบน้ำของเมืองที่ผันน้ำขึ้นไปใช้จากทะเลสาบ ชาวเมืองเรียกกันว่า “น้ำพุจรวด” เราสามารถมองเห็นเปลวน้ำทางอากาศเวลาโดยสารเครื่องบินได้อีกด้วย หรือแม้แต่ขณะอยู่ในตัวเมืองก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน น้ำพุนี้มีชื่อเสียงมากถึงขนาดว่าต้องไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ท่องเที่ยวทางการของเมือง และยังเคยถูกใช้เป็นโลโก้ในการแข่งขันฟุตบอล UEFA Championships เมื่อ 8 ปีก่อน ที่ Geneva เป็นเจ้าภาพด้วย

5.กรินเดลวาลด์ (Grindelwald)

กรินเดลวาลด์ เป็นหมู่บ้านและชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบในกรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ โดยตั้งอยู่บนเทือกเขา Bernese Alps สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,034 เมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในฤดูหนาวและฤดูร้อนมาช้านาน โดยในช่วงฤดูหนาว เมืองเล็กๆแห่งนี้จะคับคั่งไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา เนื่องจากกรินเดลวาลด์นั้นเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทกีฬาฤดูหนาวและยังเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในยอดเขาจุงเฟราอีกด้วย ใครได้มาเยือนรับรองว่าสวยถูกใจแน่นอน

 

   ✨ 6.ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau)

ยอดเขาจุงเฟรา หรือยอดเขาจุงฟราว ณ เมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) หนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูง 4,158 เมตร (13,642 ฟุต) เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม ได้รับการยกย่องว่า เป็น Top of Europe ยอดเขาจุงเฟรา มีจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรปแห่งนี้ มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร มีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักให้สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 กิโลเมตร และหนา 700 เมตรโดยไม่เคยละลาย บนยอดเขาแห่งนี้ยังเป็นที่นิยมของนักสกีอีกด้วย

7.ปราสาทชาโต เดอ ชิลยอง (Chateau de Chillon)

ปราสาทชิลยอง (Château de Chillon) ปราสาทที่ตั้งเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบ Geneva ในเมือง Veytaux ของสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นปราสาทที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง มีความเก่าแก่กว่า 1,000 ปี โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ SAVOY ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์ก็ว่าได้ สร้างบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ของเมืองมองเทรอซ์ สร้างขึ้นมาเพื่อคอยเก็บค่าผ่านทางของเรือที่ล่องผ่านทะเลสาบเจนีวา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ทำให้ Lord Byron เกิดแรงบันดาลใจในการประพันธ์บทกวีโรแมนติกเรื่อง “The Prisoner of Chillon” อีกด้วย ปราสาทแห่งนี้มีความโดดเด่นคือตั้งอยู่ติดริมทะเลสาบเจนีวาแบบกำแพงปราสาทปะทะกับผิวน้ำพอดี มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากท้องน้ำอันกว้างใหญ่ตัดกับเทือกเขาสูง และยังเป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่ามากมายไว้จัดแสดงให้ชมอีกด้วย

8.ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น(Matterhorn)

แมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ยอดเขาสูงกว่า 4,000 เมตรซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเซอร์แมท ทางตอนใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยอดเขาจะเป็นหินทรงพีระมิดที่สูงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางเทือกเขาแอลป์อันลือลั่น ด้วยความสูง 4,447 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และรูปทรงสามเหลี่ยมพีรามิด ณ จุดบนสุดของยอดเขาโดยรอบภูเขานี้มีชื่อเสียงตรงส่วนที่เรียกว่า “ฮอร์น” ที่แปลว่า เขาสัตว์ หรือยอดพีระมิดที่โค้งลงเล็กน้อย ตั้งค่อมชายแดนสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ในภาษาอังกฤษและเยอรมันเรียกว่า แมทเทอร์ฮอร์น ภาษาอิตาลีเรียกว่า มอนเตแชร์วีโน และภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า มงแซร์แวง แมทเทอร์ฮอร์นเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 50 ล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่ทวีปแอฟริกาและยุโรปเคลื่อนเข้ามาชนกัน แม้จะอยู่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ แต่ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของเหล่านักปีนเขาและนักเล่นสกีหิมะในช่วงฤดูหนาว และยอดเขาแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็นมงกุฎแห่งเทือกเขาแอลป์ ด้วยลักษณะที่เด่นตระง่านจนกลายเป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของประเทศ

9.หอนาฬิกา (Zytglogge Clock Tower)

หอนาฬิกา (Zytglogge) แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1191 จุดประสงค์เพื่อเป็นประตูเมืองและได้มีการสร้างเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 1530 ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น ไฮไลท์ที่ต้องรอชมก่อนจะครบรอบชั่วโมงจะมีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำให้นักท่องเที่ยวได้หยุดมองหยุดชมกันอีกด้วย หอนาฬิกาแห่งนี้มีความโดดเด่นในสถาปัตยกรรมการสร้างด้วยความสวยงาม หอนาฬิกาหน้าปัดทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่และยังมีนาฬิกาหน้าปัดขนาดเล็กอีกหนึ่งเรือนอยู่ด้านล่าง ซึ่งภายในหน้าปัดนาฬิกาขนาดเล็กจะแสดงเวลา วัน เดือน ปี และ จักรราศี

10.สะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge)

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว แต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ ในศตวรรษที่ 14 สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายอย่างมากใน ค.ศ. 1993 แต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพที่ดีเหมือนเดิม ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นอีกด้วย

สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของ ภูเขา ทะสาบ และธรรมชาติสวยๆ เป็นประเทศที่หมายปองของใครหลายๆ คนที่สักครั้งในชีวิตอยากไปเยือนดินแดนแห่งนี้ สำหรับใครที่กำลังมีแพลนจะไปในเร็วๆ นี้ อย่าลืมเรียกใช้ ทราวิสโก แอปท่องเที่ยวที่จะช่วยให้เรื่องเที่ยวเป็นเรื่องง่าย

#TRAVIZGO #ทราวิสโก #แอปจองที่พัก #แอปจองตั๋วเครื่องบิน #แอปจองโรงแรม #เที่ยวสวิต #เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ #switzerland

 

Share: