ออกเดินทางสู่ดินแดนยุโรปตะวันออก ✈ กับประเทศ #ออสเตรีย #สาธารณรัฐเช็ก #เยอรมนี #ฮังการี จะมีอะไรที่น่าค้นหา ? และจะมีความสนุกอะไรรอคุณอยู่บ้าง เรามาออกเดินทางไปด้วยกันนะครับ ?
?? ออสเตรีย (Austria)
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการมาเยือนเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย #เวียนนา (Vianna) ในการมาท่องเที่ยวที่นี่ ค่อนข้างจะถูกใจใครหลายคน ? เพราะบรรยากาศของตัวเมืองโดยรอบ อาคารบ้านเรือนโทนสีครีมอ่อน รถม้า ? ที่แล่นบริการในเมือง อากาศเย็นสบาย ยิ่งถ้าได้มาในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคริสมาสต์หรือปีใหม่ ? บรรยากาศในเมืองจะสวยงามขึ้นอีกหลายเท่า
ได้วิวบรรยากาศในเมืองสวยๆกันแล้ว ไปต่อกันเลยที่เมือง #ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) เมืองมรดกโลกชื่อดังที่ใครก็ตามที่มาเยือนออสเตรีย จุดหมายหลักๆต้องเป็นที่นี่ เพราะบรรยากาศของเมืองแห่งนี้ จะมีความสงบและร่มรื่น มีแลนมาร์คที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจคือ “โบสถ์ฮัลล์สตัทท์” ?โบสถ์หลังคาปลายแหลม ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองแห่งนี้ ถัดไปคือ “เหมืองเกลือ (Salt Mines)” ซึ่งในสมัยก่อนมีการขุดเกลือจากเหมืองแห่งนี้ ? แต่ในปัจจุบันรีโนเวทเป็นสถานที่จัดแสดงความเป็นมาของเกลือในแต่ละชนิด และที่สุดท้าย “จุดชมวิว” ด้านบนของตัวเมือง ที่ต้องขึ้นกระเช้าและขึ้นลิฟท์ต่อขึ้นไปด้านบน แล้วคุณจะได้รู้ว่า “วิวมรดกโลก (UNESCO World Heritage View)” สวยงามขนาดไหน?
มาถึงเมืองสุดท้ายใน #ออสเตรีย ที่จะแนะนำกันในวันนี้นะครับ นั่นก็คือเมือง #ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของออสเตรีย ต้นกำเนิดแห่งศิลปะบาโรก และ บ้านเกิดของคีตกวีเอกระดับโลก “โมสาร์ท (Mozart)” แลนมาร์คที่สำคัญของซาลซ์บูร์กคือ “สวนมิราเบล (Mirabell Garden)” สวนที่รวบรวมพันธุ์ไม้สีสันสดใสต่างๆ ? และตกแต่งด้วยรูปปั้นหินแกะสลัก สมกับที่เป็นเมืองแห่งศิลปะบาโรก “ซอยเกไทรเด (Getreidegasse)” ย่านการค้าที่คึกคักของเมือง มีสินค้าซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาด และสามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้นั่นก็คือ “ช็อกโกแลตบอล (Mozartkugeln)” ? ซึ่งมีรูปของโมสาร์ทเป็นพรีเซนเตอร์อยู่บนโลโก้ นับว่าเป็นของฝากที่บ่งบอกถึงการมาเยือนบ้านเกิดของเขาได้เป็นอย่างดี
?? สาธารณรัฐเช็ก (Czechia)
เมืองมรดกโลกรูปหยดน้ำ ? #เชสกี้ครุมลอฟ (Chesky Krumlov) ที่ถูกล้อมรอบด้วย “แม่น้ำวัลตาวา (Valtava)” ซึ่งทอดยาวไปจนถึงกรุงปราก บรรยากาศด้านในของเมือง จะมีความเก่าและคลาสสิกตามสไตล์ของเมืองมรดกโลก บ้านเรือนสีสันสดใส ? โดยส่วนมากจะเป็นโทนสีครีมอ่อน หลังคาสีแดงอิฐ ในส่วนกลางของเมืองจะมี “ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ” ตั้งอยู่ โดยด้านในปราสาทจะถูกแบ่งเส้นทางเดินเป็น 2 ทาง และในส่วนด้านบนของปราสาทจะมีสวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้ ? แต่จะเปิดทำการแค่ในเดือนเมษายน – ตุลาคม เท่านั้น ซึ่งความยิ่งใหญ่ของปราสาทแห่งนี้ ใหญ่เป็นรองปราสาทในกรุงปรากเท่านั้น
มาถึงที่ทั้งที จะไม่มาเมืองหลวงได้อย่างไร #ปราก (Prague) เมืองหลวงแห่งสาธารณรัฐเช็ก สถานที่ตั้งของปราสาท Complex ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ? “ปราสาทกรุงปราก (Prague Castle)” และสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่เชื่อมต่อระหว่าง Old Town และ Little Town “สะพานชาร์ล (Charles Bridge)” นั่นเอง ความตื่นตาตื่นใจของเมืองนี้ ? เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างความงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างไว้อย่างลงตัว หากได้ลองมาท่องเที่ยวที่เมืองนี้สักครั้ง และยิ่งเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสหรือปีใหม่ด้วยละก็ จะทำให้คุณหลงรักเมืองนี้อย่างไม่รู้ตัวเลยละครับ
?? เยอรมนี (Germany)
#ฟุสเซน (Fussen) เมืองเล็กๆสีลูกวาด ? แห่งรัฐบาวาเรีย (Bavaria) เนื่องจากเมืองนี้มีขนาดเล็กมาก จนไม่ปรากฎอยู่ในบางแผนที่ ใครหลายๆคนมาที่นี่เพราะเป็นทางผ่านไปชมปราสาท “นอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)” แต่ถ้าได้ลองมาเดินเล่นในเมืองแห่งนี้ จะได้บรรยากาศที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับการเป็นจุดพักผ่อน ชาร์จพลังให้ตัวเอง ? ก่อนออกเดินทางอีกครั้งนึงครับ
สถานีต่อไปที่เราจะไปเยี่ยมชมกันก็คือ “ปราสาทนอยชวานสไตน์” ? ปราสาทโบราณสีขาว ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาแอลป์ ความพิเศษของปราสาทแห่งนี้ นอกจากจะมีจุดชมวิวที่สวยงามจนได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปราสาทนอยชวานสไตล์ ยังเป็นต้นแบบของปราสาทออโรร่า หรือ เจ้าหญิงนิทรา ? ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเองครับ
และเมืองสุดท้ายที่จะแนะนำในเยอรมนีคือเมือง “โรเธนเบิร์ก (Rothenburg)” ที่นี่ จะมีอาคารบ้านเรือนสีสันสดใส ดีไซน์ค่อนข้างเฉพาะตัว ? นอกจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เมืองนี้รอดพ้นจากสงครามศาสนา และ สงครามโลกครั้งที่ 2 จนบูรณะออกมาได้อย่างสวยงามตามปัจจุบัน โรเธนเบิร์กยังเป็นต้นแบบของหมู่บ้านในนิทานชื่อก้องโลกอย่าง “พินอคคิโอ้” อีกด้วย ถือว่าการมาท่องเที่ยวที่นี่ นอกจากจะได้ชมความสวยงามของเมือง ✨ ยังได้ซึมซับกลิ่นอายของนิทานในวัยเยาว์ คุ้มค่าจริงๆครับ
?? ฮังการี (Hungary)
#บูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของประเทศฮังการี มีเส้นแบ่งทางธรรมชาติอย่างแม่น้ำดานูบ (Danube) แบ่งเมืองออกเป็น 2 ฝั่ง คือ บูดา และ เปสต์ และในวันนี้ก็จะนำไฮไลท์จากแต่ละฝั่งมาเล่าให้ฟังกัน เริ่มจากฝั่ง “บูดา” ก่อนเลย ที่ “ป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion)” ซึ่งชาวประมงฮังกาเรี่ยน ?♂ สร้างไว้เพื่อรำลึกถึงเพื่อนชาวประมงผู้กล้าหาญ เสียสละตัวเองปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของมองโกล หากได้ขึ้นไปบนป้อม ก็จะสามารถชมวิวที่สวยงามของฝั่งเปสต์ได้ หากใครมองหาจุดชมวิวสวยๆ ? ไม่ควรพลาดการขึ้นไปเยี่ยมชมด้านบนป้อมแห่งนี้ครับ
ริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ? ในฝั่งเปสต์ จะมี “รัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก (Hungarian Parliament)” ตั้งอยู่ โดยใช้เวลากว่า 20 ปี ในการรังสรรค์ให้ออกมาสวยงามราวกับปราสาทขนาดย่อม ? และรัฐสภาแห่งนี้เอง ก็เป็นสัญลักษณ์นึงของเมืองบูดาเปสต์
นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างมาบูดาเปสต์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีก ไม่ว่าจะเป็น “Heroes’s Square” จัตุรัสผู้กล้าที่เข้าต่อสู้กับชนเผ่ามองโกล ? หรือจะเป็นจุดชมวิว Gellert Hill ที่สามารถมองเห็นวิว ? ของ“สะพานเอลิซาเบธ (Erzsébet híd)” ที่ตัดผ่านแม่น้ำดานูบ และอื่นๆอีกมากมาย ที่รอให้คุณได้มาค้นหาด้วยตัวเอง