7 ความเชื่อของคนฮ่องกง ที่คุณควรรู้ก่อนการเดินทาง

3431
0
Share:

? สำหรับท่านที่วางแผนจะไปเที่ยวฮ่องกงไม่ควรพลาด‼

ข้อควรรู้เกี่ยวกับความเชื่อของคนฮ่องกงเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางจะได้ไม่ตกใจเมื่อเจอเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านั้น



7 ความเชื่อของคนฮ่องกงที่คุณควรรู้ก่อนการเดินทาง ?


? 1. ฮวงจุ้ยตึก ล้วนมีที่มาที่ไป
คนฮ่องกงมีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมากๆ ทั้งเรื่องโชคชะตา การทำมาค้าขายให้ร่ำรวย สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นได้ชัดเลยก็คือ เรื่องหลักฮวงจุ้ยตามตึกสูงต่างๆ ที่สร้างขึ้นเรียงรายเนี่ยแหละ ทั้งบริษัทการเงิน โรงแรมดังที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกัน แม้จะสร้างใกล้กับคู่แข่งที่คนไทยเชื่อว่าไม่ดี แต่สำหรับคนฮ่องกงเขาได้ให้ซินแสวางเรื่องฮวงจุ้ยแก้ดวงกันไว้แล้ว ตัวอย่างเช่น ตึก HSBC สังเกตดีๆ จะเห็น “ปืนใหญ่” หันหน้าเข้าหาตึก Bank of China ที่ตัวอาคารมองเหมือน “มีดดาบ” ที่คอยสกัดกั้นคู่แข่ง เป็นความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่แก้ดวงกันและไม่ขัดกันทางด้านธุรกิจนั่นเอง


? 2. ทานอาหาร ต้องเสียค่าน้ำชา
ค่าน้ำชา คำนี้อาจฟังไม่คุ้นหูสำหรับคนไทย ค่าน้ำชาของคนฮ่องกงก็คือ “ค่าที่นั่งโต๊ะ” เวลาที่เราไปนั่งที่ร้านอาหาร พนักงานจะนับจำนวนลูกค้าและคิดค่าน้ำชาต่อหัว เช่น สมมุติว่าจองโต๊ะไว้ 5 ที่ แต่มีคนที่ 6 มา คนที่ 6 ก็นั่งร่วมโต๊ะไม่ได้ เพราะไม่ได้เสียค่าน้ำชา แต่ไม่ใช่ว่าเสียค่าน้ำชาแล้วไม่ได้ดื่มน้ำชานะคะ ได้ดื่มแน่นอน มีพนักงานคอยเสิร์ฟน้ำชาใส่กาให้ดื่มตลอด แถมบางร้านยังสามารถเลือกชากลิ่นต่างๆ ดื่มได้อีกด้วย คนฮ่องกงเขานิยมดื่มชาร้อนคู่กับการทานอาหาร เพราะเชื่อว่าจะทำให้ขับไขมัน ช่วยย่อยอาหารและดีต่อสุขภาพ ดังนั้นจึงไม่ค่อยเสิร์ฟน้ำเปล่าเหมือนบ้านเรา แต่ถ้าใครไม่ถนัดดื่มน้ำชา ก็สามารถสั่งเป็นน้ำชามะนาวแทนได้นะคะ อร่อย ดื่มแล้วสดชื่นดีด้วย


? 3. หม่าล่า ส่วนผสมสำคัญในอาหาร
เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องได้ลิ้มรสชาติหม่าล่ากันมาบ้างแล้ว คงรู้อานุภาพความเผ็ดจนลิ้นชา ในฮ่องกงก็มีหม่าล่าเหมือนกันค่ะ เพราะหม่าล่าเป็นครื่องเทศรสเผ็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวนประเทศจีน จึงไม่แปลกที่จะไปอยู่ในส่วนผสมของอาหารฮ่องกงด้วย บอกเลยใครไปทานอาหาร ไม่ว่าจะตามร้านอาหารหรือสตรีทฟู้ด ก็ต้องเจอหม่าล่าบ้างแหละ เสริมเกร็ดความรู้สักนิด ความหมายของชื่อ หม่าล่า 麻辣 / (má​là) ในภาษาจีน คำว่า “หม่า” หมายถึงอาการชาที่ปลายลิ้น ส่วนคำว่า “ล่า” หมายถึง รสชาติเผ็ดแสบ สมชื่อจริงๆ


? 4. ตะเกียบบนโต๊ะ 2 คู่ สีต่างกัน มีวิธีใช้ต่างกัน
หลายคนแปลกใจ ทำไมร้านอาหารที่ฮ่องกงมีตะเกียบวางไว้บนโต๊ะเยอะจัง บ้านเราใช้คนละคู่เอง แล้วทำไมถึงมีสองสีอีกต่างหาก งงเข้าไปใหญ่ หากใครไม่อยากงงต้องรีบอ่านด่วนๆ ยิ่งถ้ามีโอกาสต้องร่วมโต๊ะกับคนฮ่องกง เขาคงมองเราแปลกๆ เหตุผลที่ร้านอาหารของฮ่องกงมีตะเกียบวางไว้คนละ 2 คู่ และมีสีต่างกัน เพราะว่า ตะเกียบที่มีสีเข้มจะใช้สำหรับคีบอาหารใส่จานของเรา หรือถ้าเทียบกับบ้านเราก็คือช้อนกลางนั้นเอง ส่วนอีกคู่สีขาวใช้สำหรับคีบอาหารเข้าปากค่ะ แต่ละร้านก็จัดตะเกียบไม่เหมือนกัน อาจมีตะเกียบสีเข้ม วางไว้ตรงกลางโต๊ะให้ใช้ร่วมกัน เพียง 1-2 คู่ ส่วนอีกคู่สีขาวจะวางไว้ให้ของแต่ละคนหรือถ้าบางที่ไม่มีตะเกียบกลาง คนฮ่องกงจะใช้ตะเกียบอีกด้านของตัวเองที่ไม่ได้คีบเข้าปาก มาคีบอาหารจากจานกลางใส่ไปในจานตัวเองแทน


? 5. กาหนึ่งใส่น้ำชา กาหนึ่งใส่น้ำร้อน
ยังคงอยู่ในร้านอาหารกันต่อ บางร้านอาหารพนักงานจะเสิร์ฟกาน้ำชามาให้ 2 กาคู่กันบนโต๊ะ ระวังอย่าเผลอยกกันคนละกามาช่วยกันรินใส่แก้วซะละ ต้องเปิดฝาดูด้านในดีๆ ซะก่อนนะคะ เพราะกาหนึ่งจะเป็นกาน้ำชาไว้ดื่ม ส่วนอีกกาจะเป็นน้ำร้อนไว้สำหรับใช้ลวกถ้วย ช้อน ตะเกียบ ก่อนนำไปใช้ในการรับประทานเพื่อฆ่าเชื้อโรค ดังนั้นอย่าเผลอนำน้ำร้อนมารินดื่มซะก่อนนะคะ


? 6.ไม่มีกระดาษทิชชู่ให้บนโต๊ะอาหาร
เห็นหัวข้อแล้วอย่าเพิ่งตกใจกันนะคะ ร้านอาหารส่วนใหญ่ของฮ่องกงเขาจะไม่วางกระดาษทิชชู่ไว้ให้บนโต๊ะ แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีนะคะ มีค่ะ แต่ต้องเสียเงินจ่ายค่าทิชชู่หรือบางร้านก็มีผ้าเย็นวางไว้ให้คนละอันบนโต๊ะ แต่ถ้าเพื่อความพร้อมและไม่อยากเสียเงิน พกไปเองก็ดีค่ะ


? 7. ช้อปปิ้งซื้อของ แต่ไม่ใส่ถุงหิ้วให้
เหมือน “มีดดาบ” ที่คอยสกัดกั้นคู่แข่ง เป็นความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่แก้ดวงกันและไม่ขัดกันทางด้านธุรกิจนั่นเอง ใครที่ไปฮ่องกงครั้งแรกเจอเรื่องนี้อาจมีช็อก!! เวลาที่เข้าไปเลือกซื้อขนม เครื่องดื่ม ในร้านสะดวกซื้อหรือเซเว่น หลังจ่ายเงินค่าสินค้าเรียบร้อยให้ถือของออกมาได้เลยค่ะ เพราะพนักงานเขาจะไม่นำสินค้าใส่ถุงให้เรานะคะ แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ถ้าซื้อของเยอะหรือต้องการถุงจริงๆ สามารถแจ้งทางร้านว่าต้องการถุงได้ เขามีถุงจำหน่ายในราคาขั้นต่ำที่ 50 เซน

? เหตุผลที่เราต้องจ่ายเงินค่าถุง ก็เพราะว่าเป็นนโยบายของทางรัฐบาลฮ่องกง ที่ต้องการลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อม แถมไม่ใช่แค่ร้านเซเว่นอย่างเดียวนะคะที่เสียเงินค่าถุง ร้านช้อปปิ้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางต่างๆ เขาก็จะสอบถามว่าเราต้องการถุงหิ้วไหม? ถ้าต้องการเขาก็จะคิดค่าถุงให้เสร็จสรรพ ดังนั้นถ้าไม่อยากเสียเงินค่าถุงบ่อยๆ ก็เตรียมกระเป๋าใบใหญ่ๆ ไว้โกยของใส่ไปเลยจะได้ไม่ต้องถือหลายถุงพะรุงพะรัง เมืองไทยบ้านเราก็น่าจะมีนโยบายลดใช้ถุงพลาสติกเด็ดขาดอย่างนี้บ้างคงจะดีไม่น้อยเลย


ที่มา https://travel.mthai.com/travel_tips/187427.html

Share:

Leave a reply