เวลาไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น คุณมักจะพบเจอวัดและศาลเจ้ามากมายตามเมืองต่าง ๆ แต่ละที่ล้วนมีความพิเศษเฉพาะตัว ความศักดิ์สิทธิ์ ความเลื่อมใสศรัทธา และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว ในช่วงปีใหม่นี้ คุณอาจกำลังมองหาสถานที่เที่ยวในประเทศญี่ปุ่น แต่จะดีแค่ไหน หากคุณได้ท่องเที่ยวและทำบุญในทริปเดียวกัน เพื่อการนี้ ไทยทราเวลเซ็นเตอร์ ได้รวม “5 สถานที่ขึ้นชื่อในญี่ปุ่น” มาให้คุณได้ไปขอพร เพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต ตอนรับปี 2563 ที่กำลังจะมาถึง
❃ ❃1. วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple) ❃ ❃
“วัดนินนาจิ” ตั้งอยู่ทางตอนเหนือในนครเกียวโต ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกสำคัญอันดับต้น ๆ ในปี 1994 วัดหลักของศาสนาพุทธนิกายชินกอน ถูกค้นพบโดยองค์จักรพรรดิในสมัยนั้น ช่วงปี ค.ศ. 888 มีสมาชิกของราชวงศ์ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสมานานนับร้อยปี จึงเป็นที่มาของวัดอีกชื่อเรียกว่า “พระราชวังโอมูโระ (Omuro Imperial Palace)” จุดเด่นของวัดนี้คือ อาคารโกเท็น (Goten) ที่พำนักของเจ้าอาวาส เรื่องการขอพรนั้น ชาวญี่ปุ่นเขาบอกกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก นอกจากจะขอพรแล้วนั้น ก็อย่าลืมชมความงามของวัด ไม่ว่าจะเป็นสวนหินและสระน้ำที่รายล้อมวัด เจดีย์ห้าชั้นและสวนซากุระสายพันธุ์โอมุโระที่จะเริ่มเบ่งบานในปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน
❃❃ 2. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ❃❃
ขอแนะนำ “ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ” หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “ศาลเจ้าแดง” แลนด์มาร์คของเกียวโต ศาลเจ้าเก่าแก่นี้ เกิดในปี ค.ศ. 711 ก่อนที่จะเกิดเมืองเกียวโตเสียอีก คนที่นี่เชื่อว่าภูเขา “อินาริ” แห่งนี้ศักสิทธิ์ ซึ่งชื่อ “อินาริ” เป็นชื่อของเทพเจ้าผู้รักษาข้าว มีอีกนามว่า “เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์” อีกทั้งศาลเจ้าแห่งนี้ยังได้รับชื่อเสียงจาก “ประตูโทริอิ (Torii Gate)” เสาสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าเป็นจำนวนหลายหมื่นต้น จนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ มีผู้คนนิยมมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ในแต่ละต้นก็จะระบุชื่อเหล่าคนที่มาทำบุญด้วย ภายในวัดจะมีป้ายให้เขียนขอพร เครื่องรางรูปสุนัขจิ้งจอกที่สามารถเขียนคำอธิษฐานไว้เป็นที่ระลึกได้ ส่วนใครอยากบริจาคเสาให้ที่นี่ เขาก็มีบริการเช่นกัน แถมมีของกินในวัดให้ทานแก้หิวอีกด้วย
❃❃ 3. วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) ❃❃
หนึ่งวัดโด่งดังที่ไม่มาไม่ได้ นั้นคือ “วัดเซ็นโซจิ” หรือ “วัดอาซากุสะ” ที่ทุกคนเรียกกันจนติดปาก วัดนี้มีประตูสีแดงและประดับด้วยโคมแดงขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “คามินาริมง (Kaminarimon Gate)” มีน้ำหนักถึง 700 กิโลกรัมอยู่หน้าประตูทางเข้าที่ได้ชื่อว่า “ประตูสายฟ้า (Kaminari-Mon)” วัดเซ็นโซจินี้เป็นวัดพุทธที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมหรือพระโพธิสัตว์ “คันนน (Kannon Bosatsu)” และเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 645 แต่ทว่าถูกทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นก็ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบสุข ไว้ให้ชาวญี่ปุ่นได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่นี่มีความเชื่อว่า การอาบควันจากกระถางธูปเข้าหาตัวจะนำความโชคดีมาให้ แล้วจะต้องทำบุญด้วยเหรียญ ส่วนใครที่อยากโชคดี สามารถเช่าเครื่องรางของทางวัด จะช่วยในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ สุขภาพ การเงิน การงาน การเรียนหรือเรื่องเนื้อคู่กลับไปได้อีกด้วย
❃❃ 4. คิโยมิสุเดระ (Kiyomizudera Temple) ❃❃
“วัดคิโยมิสุเดระ” หรือ “วัดน้ำใส” อีกหนึ่งวัดมรดกโลกอันงดงาม ตระการตา และโด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 789 ตัววัดเป็นอาคารไม้บนเนินเขาขนาดใหญ่สูง 13 เมตรจากพื้นดิน ผสานความงามกับ “ต้นเมเปิล” สีแดง และ “ต้นซากุระ” ที่กำลังเบ่งบาน เมื่อมาถึงวัดนี้ ต้องมาเสี่ยงเซียมซีกัน ถ้าคำทำนายดีก็รับกลับบ้าน แต่ถ้าหากไม่ดีก็สามารถพันไว้กับเสาวัดไว้ เป็นการทิ้งความไม่ดีไปจากชีวิต คุณสามารถเขียนป้ายเพื่อขอพรด้านสุขภาพ การงาน และความรักได้ วัดแห่งนี้มีแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจาก “น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall)” ไหลผ่านตัววัด ซึ่งเป็นน้ำใสบริสุทธิ์ทั้งหมด 3 สาย ในแต่ละสายจะมีความหมายถึงอายุยืน ประสบความสำเร็จในการเรียน และชีวิตคู่ นักศึกษาจำนวนมากจึงนิยมมาสักการะและขอพรที่วัดแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถดื่มและล้างหน้าจากน้ำแหล่งนี้ได้ อีกทั้งยังมีของที่ระลึกให้ซื้อกลับบ้านตรงประตูทางเข้าด้วย
❃❃ 5. วัดชิเท็นโนจิ (Shitennoji Temple) ❃❃
ปิดท้ายกันด้วย วัดพุทธแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง “วัดชิเท็นโนจิ” ในย่านเทนโนจิ วัดนี้มีอายุราว 1,000 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเจ้าชายโชโตคุ มีจุดประสงค์สร้างวัด เพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์ 4 องค์ เนื่องจากพระองค์ได้ขอพรให้ชนะสงคราม เพื่อจะได้นำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น จุดเด่นภายในวัด คือ “เจดีย์ 5 ชั้น” สีแดงเจิดจ้า วิหารทองคำที่ ประดิษฐานรูปเคารพของพระโพธิสัตว์ “เนียวไร” หอธรรม และอุดมไปด้วยต้นซากุระมากมาย วัดนี้อาจไม่ได้ดูเก่าเหมือนอายุ เพราะได้รับการบูรณะอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังคงโครงสร้างและสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้อย่างดี ภายในวัดยังมี “พระบินซุรุ (Binzuru)” โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า หากเราเจ็บป่วยตรงไหน ให้นำมือไปถูกับส่วนนั้นของพระพุทธรูป แล้วนำมาถูกับส่วนนั้นของเรา อาการเจ็บป่วยจะหายไป
