ทริปสุดฟิน! ตะลุยชิมของหวานในต่างแดน ?

1206
0
Share:

? เพราะชีวิตมันขม มนุษย์เราถึงต้องการเติมความหวาน

ถ้าอย่างนั้น ลองมาดูขนมหวานของแต่ละประเทศกันดีกว่าว่าจะมีความหวานหรือความอร่อยรูปแบบไหนที่จะเข้ามาเยียวยาหัวใจ ❤️ ให้เรายิ้มได้อีกครั้ง ไปดูกันเลย ?

ทริปสุดฟิน ตะลุยชิมของหวานในต่างแดน


?ไดฟุกุ (ญี่ปุ่น)??

ขนมหวานสัญชาติญี่ปุ่น ที่มีการประยุกต์มาจากโมจิ เพราะ แป้งของเจ้าไดฟุกุ คือแป้งชนิดเดียวกับที่ทำโมจิ นำมาสอดไส้ถั่วแดง สตรอว์เบอร์รี่? เมล่อน? หรือไส้ผลไม้อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ นำช็อกโกแลต ? หรือไอศกรีม? มาใส่เป็นไส้ของไดฟุกุอีกด้วย 
หากใครได้มาเที่ยวที่ญี่ปุ่น สามารถซื้อขนมชิ้นนี้ติดไม้ติดมือกลับเป็นของฝากกันได้นะครับ? เพราะ ไดฟุกุ มีความหมายว่า “โชคดีมากๆ” จึงนับเป็นขนมความหมายดีๆ ที่ชาวญี่ปุ่นเองก็นิยมนำเป็นของฝากตามโอกาสต่างๆเช่นกัน ?

ไดฟุกุ


?ชาไข่มุก (ไต้หวัน)??

เครื่องดื่มที่ฮิตไปทั่วโลก? จนนาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก จุดเริ่มต้นของชาไข่มุก? ย้อนไปในปี 1988 คุณหลิน ชิวฮุ่ย ของร้านชาฉุ่ยถัง? ได้นำขนมเฟิ่นเหยียน (ขนมที่ทำจากแป้งมันคล้ายโมจิ) ปั้นเป็นก้อนกลมๆ และใส่ลงไปในชา จนเกิดเป็นสัมผัสใหม่แห่งการกิน? และได้แพร่หลายไปทั่วไต้หวันในเวลาต่อมา มีการประยุกต์สูตรเรื่อยมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน จนกลายเป็นชาไข่มุกที่พวกเรารู้จักกันในปัจจุบัน

ชาไข่มุก


?ช็อกโกแลต (เบลเยี่ยม)??

ดินแดนแห่งช็อกโกแลต เพราะตลอด 2 ข้างทาง จะเต็มไปด้วยร้านช็อกโกแลต และช็อกโกแลตของเบลเยี่ยม ยังได้รับการยอมรับถึงขนาดที่ว่า มีพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตอยู่ที่นี่‼️ สำหรับเรื่องรสชาติ แทบทุกร้านของที่นี่มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน? จะแตกต่างกันในเรื่องรสชาติที่จะมีลักษณะเฉพาะของร้านตัวเอง มีการเปิดเผยจากสำนักงานท่องเที่ยวเบลเยี่ยมว่า ช็อกโกแลตที่ผลิตในเบลเยี่ยม มีปริมาณเฉลี่ยถึง 172,000 ตันต่อปีเลยทีเดียว? แฟนพันธุ์แท้ช็อกโกแลตต้องมาลองให้ได้นะครับ

ช็อกโกแลต


มาการอง (ฝรั่งเศส)??

จุดเริ่มต้นของขนมหลากสีในฝรั่งเศส มาจากยุคปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในยุคที่ประชาชนต้องอยู่อย่างยากลำบาก การทานอัลมอนต์? น้ำตาล และไข่ขาว? คือวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและราคาถูกของยุคนั้น อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารสูง จึงมีการมาดัดแปลงเป็นคุ้กกี้ชิ้นเล็กๆ? กรอบนอกนุ่มใน และราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมไปอย่างแพร่หลาย
ต่อมา มีเชฟขนมหวานชื่อดังชาวฝรั่งเศษ Pierre Herme ได้ประยุกต์โดยการนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกัน และมีไส้ตรงกลาง โดยมาการองทั้ง 2 ชิ้นที่นำมาประกบกัน มีรสชาติจากผลไม้ต่างๆที่เชฟคิดค้นขึ้นในตอนนั้น ความนิยมทานมาการองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยมา จนเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน และมีการพัฒนาสูตรและไส้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ?หากใครอยากลองไปชิมรสชาติมาการองต้นตำหรับก็ต้องไปลองสักครั้งที่ฝรั่งเศสแล้วละครับ

มาการอง


?เจลาโต (อิตาลี)??

ไอศกรีมของชาวอิตาเลี่ยน ที่มีกรรมวิธีการทำแตกต่างจากไอศกรีมโดยทั่วไป โดยสิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือ ปริมาณอากาศที่ถูกอัดเข้าไปขณะทำเจลาโตมีประมาณ 20 – 40% จะน้อยกว่าไอศกรีมที่มีปริมาณอากาศสูงถึง 50 – 80 % ข้อต่อมา เจลาโต จะใช้ส่วนผสมที่เป็น “นม”? มากกว่าครีม ในขณะที่ ไอศกรีม จะใช้ “ครีม” มากกว่านม ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการลิ้มรสความอร่อยของขนมแช่เย็นรูปแบบนี้ การเลือกเจลาโต จะได้รับไขมันน้อยกว่าการทานไอศกรีม ใครที่เป็นสายหวาน รักในไอศกรีมหรือผลไม้ ถ้าไปถึงอิตาลีแล้ว ห้ามพลาดเลยนะครับ ?

เจลาโต

Share:

Leave a reply