10 ที่เที่ยวรับลมหนาว ฉบับอัปเดตปี 2020

1830
0
Share:

❝ หนาวนี้คิดถึงใคร หนาวมั้ยไปด้วยกัน ❞

            สัญญาณเตือนแห่งลมหนาวค่อย ๆ เคลื่อนตัวใกล้เข้ามา ซึ่งในปีนี้ ได้มีการพยากรณ์มาว่า หลายจังหวัดอุณหภูมิจะลดลงมากเป็นพิเศษ ทำให้ใครหลายคนที่รอคอยสัมผัสลมหนาวได้มีเฮ ฟินขั้นสุดแบบถึงใจ
            ในวันนี้ แอดก็ได้มีการรวบรวม “10 ที่เที่ยวรับลมหนาว ฉบับอัปเดตปี 2020” มาฝากลูกเพจที่น่ารักทุก ๆ ท่าน สถานที่เที่ยวใหม่ ๆ เที่ยวได้ไม่ซ้ำใคร เตรียมความพร้อม ต้อนรับลมหนาวกันแบบฟิน ๆ จะมีที่ไหนบ้างนั้น หยิบเสื้อกันหนาวตัวโปรด แล้วตามแอดกันมาเลยค่ะ

 

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่

            สำหรับที่เที่ยวหน้าหยาวที่แรก แอดขอพาทุกท่านขึ้นเหนือกันไปยังจังหวัดเชียงใหม่ แลนด์มาร์กยอดฮิตประจำฤดูหนาวทุก ๆ ปี ซึ่งในปีนี้ ก็ได้มีสถานที่น่าสนใจ นั่นคือ “อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง” ตั้งอยู่ในตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง บนเทือกเขาทั้ง 3 ที่ยาวขนานกันไปตั้งแต่เหนือจรดใต้ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 782,575 ไร่ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก ทั้งป่าไม้น้อยใหญ่ ต้นน้ำลำธารหลายสาย ภูเขาสูงสลับซับซ้อน ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายกำลังดี

            สำหรับไฮไลต์ประจำห้วยน้ำดัง คือ “จุดชมวิวดอยกิ่วลม” จุดชมวิวที่ขึ้นชื่อในเรื่องทัศนียภาพอันสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภาพเบื้องหน้าจะเป็นสายหมอกหนาที่ลอยปกคลุมเทือกเขามากมาย ยามพระอาทิตย์ทอแสงส่องลงมาก็จะเผยให้เห็นธรรมชาติอันแสนงดงาม จนนับได้ว่าเป็น 1 ในสถานที่เที่ยวหน้าหนาวไม่ควรพลาดประจำปี 2020 นี้กันนะคะ

 

ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่

            ถัดจากห้วยน้ำดัง เตรียมร่างกายให้พร้อม เดินทางขึ้นสู่ “ดอยม่อนจอง” อีก 1 สถานที่รับลมหนาวสุดฟิน ตั้งอยู่ในตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย โดยดอยม่อนจองติดอันดับ 1 ใน 10 ยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยจุดที่สูงที่สุด คือ “หัวสิงห์” มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,929 เมตรโดยประมาณ ซึ่งลักษณะของดอยแห่งนี้จะเป็นดอยสามเหลี่ยมหน้าจั่ว อันเป็นที่มาของชื่อดอยนั่นเองค่ะ

            ความพิเศษสำหรับใครที่เดินทางมาเยือนสถานที่แห่งนี้ อยู่ตรงทุ่งหญ้าสีทองในช่วงฤดูหนาว แวดล้อมด้วยภูเขาสูงที่สลับซับซ้อนกันอยู่มากมาย เป็นโลเคชั่นถ่ายรูปที่ดูดีไปอีกแบบ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย

 

ดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย

            ย้ายจากเชียงใหม่ มาสู่ดินแดนเหนือสุดของประเทศไทยกันที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งสถานที่รับลมหนาวที่แอดจะแนะนำกันในวันนี้ ก็คือ “ดอยผาตั้ง” ตั้งอยู่ในตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จุดชมทะเลหมอกอันดับต้น ๆ ของเมืองเชียงราย ด้วยความสวยงามยังคงตราตรึงอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวเสมอ ทำให้เป็นสถานที่ที่เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว ผู้คนจะเดินทางแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง

            สำหรับภาพอันแสนประทับใจ คือ สันเขาคดเคี้ยวที่ยาวขนานกันไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีทะเลหมอกสีขาวโพลนปกคลุมอย่างเห็นได้ชัด รายล้อมด้วยป่าไม้เขียวขจี กลายเป็นความสวยงามเฉพาะของที่ดอยผาตั้งแห่งนี้ และในช่วงยามเย็น พระอาทิตย์จะฉายแสงสีส้มทาบทับยอดดอย ค่อย ๆ เคลื่อนลอยลับไปตามแนวสันเขาเป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจ และในเดือนมกราคม คุณจะมีโอกาสได้เห็นดอกพญาเสือโคร่งผลิดอกบานสะพรั่งทั่วทั้งดอยรอต้อนรับคุณอยู่อีกด้วยนะ นับว่าเป็นสถานที่สุดพิเศษแห่งหนึ่งในช่วงหน้าหนาวนี้

 

ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

            ภาพของสายหมอกที่ลอยคลอเคลียแนวต้นสนอยู่เหนือทะเลสาบ คงเป็นคำกล่าวได้ดีเมื่อเอ่ยถึง “ปางอุ๋ง” หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านรวมไทย ซึ่งมีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง บริเวณโดยรอบอ่างเก็บน้ำเป็นแนวทิวสนที่ปลูกเรียงรายกันอยู่มากมาย ท่ามกลางบรรยากาศที่หนาวเย็นและโรแมนติก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย”

            สถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นประจำทุกปี ด้วยความสวยงามที่รังสรรค์จากธรรมชาติมาอย่างลงตัว ในยามเช้า ไอหมอกจะลอยขึ้นเหนือทะเลสาบเข้าสู่แนวทิวสน พระอาทิตย์จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นสะท้อนกับพื้นน้ำ ผ่านแนวทิวสนและสายหมอกจาง ๆ เป็นภาพที่กระตุ้นนักท่องเที่ยวมากมายให้เดินทางมาเยี่ยมชมกันสักครั้ง

 

ดอยฟ้างาม จังหวัดลำปาง

            สถานที่ Unseen แห่งเมืองลำปาง ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกันสักเท่าไหร่ แต่รับประกันความสวยงามของภาพทะเลหมอกและวิวทิวทัศน์อันสวยงามแล้ว บอกเลยว่าไม่ควรพลาดกันจริง ๆ สำหรับ “ดอยฟ้างาม” ตั้งอยู่ที่บ้านสาแพะ ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม โดยดอยฟ้างามแห่งนี้ มีระดับความสูงเหนือน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,100 เมตร ทำให้อากาศหนาวเย็นและสามารถรับชมทะเลหมอกกันได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

            เมื่อเดินขึ้นมาตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร คุณจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ ทะเลหมอกที่ลอยปกคลุมอยู่อย่างหนาตา โดยเฉพาะที่ “จุดชมวิวดอยฟ้างาม” ซึ่งเป็นจุดที่ได้ทำการสำรวจแล้วว่า คุณจะเห็นภาพของทะเลหมอกที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเราแบบ 360 องศา ปกคลุมผืนป่าเบื้องหน้าแบบสุดลูกหูลูกตา นับเป็นหัวใจของดอยฟ้างามแห่งนี้กันเลยทีเดียว

 

ภูลังกา จังหวัดพะเยา

            กลายเป็น 1 ในสถานที่น้องใหม่มาแรงที่เหล่านักท่องเที่ยวกำลังให้ความสนใจกันอยู่ไม่น้อย ด้วยภาพของสายหมอกที่ลอยรายล้อมภูเขาที่ตั้งอยู่เดียวดาย กลายเป็นสถานที่แหลกใหม่ไม่ควรพลาด สำหรับ “ภูลังกา” หรือ “วนอุทยานภูลังกา” ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างน้อย อำเภอปง โดยพื้นที่แห่งนี้ จะเป็นเทือกเขาสลับซ้อนกันอยู่ในเทือกเขาสันปันน้ำ มีความสูงประมาณ 900-1,720 เมตร มีเส้นทางเดินป่าสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุย ผ่านสันดอยต่าง ๆ เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร ท่ามกลางอากาศอันแสนบริสุทธ์และบรรยากาศหนาวเย็น ดีต่อใจ

            เมื่อมาถึงที่นี่ ห้ามพลาดกับ “การมาชมวิวผาช้างน้อย” ถือเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามมากที่สุดของเมืองพะเยา ภาพของสายหมอกที่ลอยโอบล้อมผาช้างน้อย ถูกแชร์ลงบนสื่อโซเชียลมีเดียตามช่องทางต่าง ๆ สร้างความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยสามารถมารับชมภาพแห่งความสวยงามนี้ได้ บริเวณภูลังการีสอร์ท หรือ หรือร้านกาแฟ Magic Mountain

 

ภูอีเลิศ จังหวัดเลย

            นอกเหนือจากภูกระดึงที่เป็นแลนด์มาร์กยอดฮิตประจำจังหวัดเลยกันแล้ว คุณรู้มั้ยคะว่า ยังคงมี 1 สถานที่ชมวิวทะเลหมอกสุดอันซีนรอคอยคุณอยู่ เตรียมตัวพุ่งเข้าไปท่ามกลางสายหมอกกันที่ “ภูอีเลิศ” ตั้งอยู่ที่ บ้านปากหมัน ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ของเมืองเลย ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มากมาย มีลักษณะเป็นชั้นหินซ้อนกัน ยื่นออกไปยังหน้าผาเบื้องหน้า คล้ายกับแกรนด์แคนย่อน

            แน่นอนว่า ภูอีเลิศเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม และความพิเศษยิ่งไปกว่านั้น คุณจะได้ชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน ไทย-ลาว สามารถมองเห็นวิวของฝั่งเพื่อนบ้านลาวได้อย่างไกลสุดสายตา ท่ามกลางสายหมอกที่ปกคลุมและอากาศหนาวเย็น สบายกายสบายใจ โดยภูอีเลิศเปิดให้เที่ยวชมกันได้ตลอดทั้งปี ยิ่งในช่วงหน้าหนาวบรรยากาศจะดีต่อใจเป็นอย่างมาก ได้เก็บภาพสวย ๆ กลับบ้านกันอย่างแน่นอน

 

ดอยตาปัง จังหวัดชุมพร

            ต้องยอมรับว่ากระแสการท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ในช่วงหน้าหนาว หากใครไม่สะดวกเดินทางขึ้นเหนือ ก็สามารถมาเที่ยวรับลมหนาวที่ภาคใต้กันได้นะคะ ซึ่งอหล่งท่องเที่ยวภาคใต้ที่แรกที่แอดนำมาฝากกันนั้น อยู่ในจังหวัดชุมพร ยอดดอยยอดฮิตอย่าง “ดอยตาปัง” ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาทะลุ อำเภอสวี ห่างจากตัวเมืองชุมพรไปทางใต้ราว 70 กิโลเมตร โดยมีลักษณะเป็นภูเขาดิน สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 500 เมตร ท่ามกลางทัศนียภาพอันแสนสวยงาม

            ไฮไลต์เด็ดไม่ควรพลาด คือ การได้มารับชมแสงแรกของวันในยามเช้า ที่แสงของพระอาทิตย์จะส่องผ่านรูทะลุกลางภูเขา ท่ามกลางสายหมอกหนาฟุ้งที่ลอยคลอเคลียเนินเขาอยู่มากมาย และในยามเย็น คุณสามารถรับชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ฝั่งจังหวัดระนองกันได้อีกด้วย เป็นสถานที่แห่งความโรแมนติกที่ใครหลายคนอาจไม่เคยสัมผัสกันมาก่อนในประเทศไทย อีกทั้งบรรยากาศโดยรวมก็ดูคล้ายกับหุบเขาอวตารในประเทศจีน ความอันซีนที่ส่งตรงจากชุมพรแห่งนี้

 

ผานับดาว จังหวัดนราธิวาส

            สำหรับใครที่คิดว่านราธิวาสไม่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม หรือเป็นจังหวัดที่กำลังมองข้ามผ่าน แอดขอให้คุณพับเก็บความคิดนั้นไว้สักพัก แล้วเปิดใจให้มากขึ้น พร้อมไปสัมผัสทะเลหมอกสุดปัง ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม และในตอนกลางคืน คุณยังสามารถนอนดูดาวที่เปล่งประกายทั่วท้องฟ้ากันได้ที่ “ผานับดาว” ตั้งอยู่ที่ บ้านราษฎร์ประสาน ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน โดยผานับดาวแห่งนี้ หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า “ฆุนุง บาตูปูเต๊ะห์” มีลักษณะเป็นภูผาหินขาว สูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 300 เมตร เป็นภูเขาที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย มีต้นน้ำสะอาดที่คอยหล่อเลี้ยงทุกชีวิตภายในพื้นที่แห่งนี้

            สำหรับความพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ประจำผานับดาว คือ เป็นภูเขาที่สามารถนอนมองเห็นดวงดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน และลืมตาตื่นมาพบกับทะเลหมอกขาวโพลนหนาฟุ้งลอยปกคลุมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างน่าประทับใจ ท่ามกลางอากาศอันบริสุทธิ์ สูดโอโซนให้ชุ่มปอด ผนวกเข้ากับบรรยากาศดีดีที่ส่งมอบจากธรรมชาติ การันตีได้เลยว่า เป็นสถานที่รับลมหนาวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

 

ทะเลหมอกกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช

            ปิดท้ายสถานที่รับลมหนาวกันที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แอดจะพาทุกท่านไปชมทะเลหมอกฟุ้ง ๆ กันที่ “เขาจังโหลน” ตั้งอยู่ที่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ ดังนั้น หากใครไม่อยากไปเที่ยวซ้ำกับใคร ลองมาที่นี่กันดูนะคะ

            แน่นอนว่าพระเอกของเราอย่าง “ทะเลหมอก” นั้นจะขึ้นปกคลุมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าให้ขาวโพลนในรุ่งสาง หมอกหนาตาเสมือนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ ท่ามกลางบรรยากาศในช่วงฤดูหนาว แสงแรกของวันจะค่อย ๆ ลอดผ่านเผยให้เห็นวิวของป่าไม้และเทือกเขาที่สลับซับซ้อนอยู่มากมาย เสริมอรรถรสด้วยการจิบกาแฟอุ่น ๆ สักแก้ว เคล้าสายหมอก สูดอากาศบริสุทธิ์ ซึมซับพลังจากธรรมชาติกลับไปเป็นรางวัลชีวิต
Share: