Unseen บึงกาฬ เที่ยวจังหวัดที่ 77 แหล่งธรรมชาติสุดแปลกตา

Share:
บึงกาฬ

ทราวิซโกชวนเที่ยวเมืองไทย จะพามาทำความรู้จักกับจังหวัดน้องใหม่ของประเทศไทย จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย จังหวัดบึงกาฬ ชุมชนริมแม่น้ำโขงของภาคอีสาน ที่แยกตัวออกมาจากจังหวัดหนองคาย จังหวัดใหม่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะธรรมชาติที่สวยงาม หลายคนอาจจะยังไม่เคยมาเที่ยวจังหวัดนี้ ทราวิซโกขออาสาพาไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสวย สุด Unseen ของบึงกาฬ มีที่ไหนไม่ควรพลาดบ้างตามไปดูกันได้เลย

  • น้ำตกตาดวิมานทิพย์

น้ำตกตาดวิมานทิพย์ เที่ยวน้ำตกสวยชื่อดังบึงกาฬ ตั้งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติภูลังกา บ้านดงสว่าง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  น้ำตกสวยขนาดใหญ่ ที่มีความสูงกว่า 70 เมตรและกว้าง 150 เมตร น้ำตกมีทั้งหมด 7 ชั้น สามารถเดินชมได้ถึงชั้นที่ 3 โดยช่วงชั้นที่ 2-3 เป็นไฮไลท์ เพราะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ และถ้ามองขึ้นไปจะพบกับความสวยงามของน้ำตกที่ไหลลงมาจากชั้น 4-5 ที่ไหลลงมายังชั้น 3 ระยะทางจากชั้นที่ 1 ถึง 7  ประมาณ 100 เมตร บรรยากาศโดยรอบน้ำตกรายล้อมไปด้วยต้นไม้และภูเขาที่สวยงาม เป็นน้ำตกที่เพิ่งเป็นที่รู้จักเมื่อไม่นานที่ผ่านมา น้ำตกแห่งนี้จะมีน้ำไหลแค่เฉพาะช่วงที่มีฝนตก เนื่องจากไม่ได้มีบ่อที่คอยกักเก็บน้ำ น้ำตกแห่งนี้จะยิ่งสวยถ้าเป็นช่วงที่มีฝนตกหนัก แนะนำว่าถ้าใครจะมาเที่ยวควรโทรสอบถามทางอุทยานล่วงหน้าหนึ่งวัน ว่ามีน้ำหรือไม่ จะได้ไม่เสียเที่ยว น้ำตกตาดวิมานทิพเป็นหนึ่ง Unseen ที่ต้องใช้ความตั้งใจในการมาชม และเป็นน้ำตกที่เดินทางไปชมค่อนข้างยาก แต่รับประกันความคุ้มค่าในการได้ไปชม ว่าสวยงามคุ้มความลำบากอย่างแน่นอน

  • น้ำตกถ้ำพระ

น้ำตกถ้ำพระ ไปเล่นสไลเดอร์ธรรมชาติที่น้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ น้ำตก 3 ชั้นขนาดใหญ่ที่ไหลอยู่บนภูเขาหินปูน จุดเด่นคือเป็นน้ำตกที่ไม่สูงและมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่และร่องน้ำที่สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย ตัวน้ำตกตั้งอยู่ภายในป่า โดยการเดินทางเข้าไปต้องนั่งเรือไป มีเรือของชาวบ้านคอยให้บริการอยู่ นั่งเรือไปถึงก็จะพบกับน้ำตกชั้นที่ 1 มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง มีแอ่งน้ำต่าง ๆ ให้นั่งท่องเที่ยวได้เล่นน้ำ เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับน้ำตกชั้นที่ 2 ซึ่งมีถ้ำพระอยู่ และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป อยู่บริเวณที่ชะง่อนหิน โดยในสมัยก่อนบริเวณของน้ำตกเคยเป็นวัดป่ามาก่อน แต่วัดได้ย้ายออกไป และเป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระ และเดินต่อไปก็จะมาถึงจุดไฮไลต์คือน้ำตกชั้นที่ 3 เป็นจุดที่สวยที่สุด โดยจุดนี้จะเป็นลานหินกว้างสวยงาม แต่จะมีน้ำไม่มากนะ โดยช่วงที่แนะนำในการมาเที่ยวคือช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม ถ้ามาเดือนอื่นอาจจะไม่ค่อยมีน้ำ ที่ชื่อว่าถ้ำพระมาจากที่บริเวณน้ำตกชั้นที่ 2 มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บริเวณชะง่อนผา เนื่องจากในอดีตบริเวณนี้เป็นวัดป่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนในวันหยุดของคนบึงกาฬ

  • น้ำตกเจ็ดสี

น้ำตก 7 สี อีกหนึ่งน้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัวบ้านดอนเสียด ตำบลบ้านต้อง อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ชมน้ำที่ไหลกระทบผาหินเกิดเป็นละอองน้ำที่สวยงาม การมาที่น้ำตกสามารถนำรถมาจอดที่วัดถ้ำบูชา (วัดภูวัวน้ำตกเจ็ดสี) ภายในวัดยังมีร้านค้าร้านอาหารให้บริการ จากวัดเดินมาประมาณ 800 เมตร ก็จะพบกับน้ำตก โดยน้ำตกมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกและชั้นที่ 2 อยู่ห่างกันเพียง 200 เมตรเท่านั้น โดยมีลักษณะที่คล้ายกัน ส่วนชั้นที่ 3 เป็นจุดที่สวยที่สุดที่จะเห็นละอองน้ำกระทบกับแสงแดดเป็นสีต่าง ๆ และเป็นที่มาของชื่อน้ำตก 7 สี อีกจุดเด่นคือน้ำตกมีแอ่งน้ำที่ไม่ลึกทำให้สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย น้ำตกแห่งนี้เกิดจากธารน้ำของห้วยกะอามที่ไหลมาตามหน้าผาหินทราย และไหลลงมากลางเป็นน้ำตกแห่งนี้  ช่วงที่แนะนำให้มาเที่ยวคือหน้าฝน เพราะจะเป็นช่วงที่สวยที่สุด โดยน้ำตกเจ็ดสีจะเปิดให้เที่ยวชมได้ตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนธันวาคมของทุกปี แวะมานั่งพักแช่น้ำชิลล์ ๆ คลายร้อนกัน

  • ภูทอก

ภูทอก ไปเที่ยววัดสุด Unseen วัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอก อยู่ใน ต.นาแสง อ.ศรีวิไล วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2483 โดยวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่สวยงาม ตั้งอยู่บริเวณภูทอก ภูเขาที่ตั้งโดดเดี่ยว 2 ลูก คือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย ส่วนที่สามารถขึ้นไปได้คือภูทอกน้อย ไฮไลท์ของที่นี้คือการไปเดินสะพานไม้ชมวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศาบนภูทอกน้อย สะพานไม้ที่วนรอบภูทอกมีทั้งสิ้น 7 ชั้น สะพานที่ใช้เวลาสร้างกว่า 5 ปี สะพานไม้ที่วนขึ้นไปบนภูทอก แต่ละชั้นจะมีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป ชั้นที่ 1 เป็นทางขึ้น จะมองเห็นต้นไม้นานาชนิด ชั้นที่ 2 เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จะมองเห็นสถานนีวิทยุชุมชนของวัดที่อยู่ทางขวามือ ชั้นที่ 3 จะเริ่มเป็นสะพานที่วนรอบเขา มีโขดหินและหน้าผา ชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่เริ่มสูงเมื่อมองลงไปด้านล่าง จะมองเห็นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่เรียกกันว่า ดงชมพู และชั้นที่ 4 ยังเป็นที่พักของแม่ชี เดินต่อไปที่ชั้นที่ 5 เป็นที่ตั้งของกุฎิพระสงฆ์และศาลา โดยมีที่ให้นั่งพักได้ ชั้นที่ 6 จะเป็นสะพานไม้แคบ ๆ ที่ทอดยาวติดกับหน้าผายาว 400 เมตร เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวย มาถึงชั้นบนสุดชั้นที่ 7 เป็นทางชันและค่อนข้างเดินลำบาก ไม่ค่อยแนะนำให้ขึ้นมา การเดินขึ้นไปเปรียบเสมือนกับการเดินขึ้นสู่สวรรค์ อีกหนึ่งสถานที่สวยงามและเงียบสงบเหมาะกับการกหนีจากวุ่นวายมาพักใจ

  • หินสามวาฬ

หินสามวาฬ ปิดท้ายที่จุดชมวิวสุดสวย ตั้งอยู่ภายในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ไปสำรวจบริเวณที่เต็มไปด้วยก้อนหินรูปทรงแปลกตา และยังมีถ้ำและหน้าผา เป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่แปลกตาและเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาที่นี่ โดยจุดที่เรียกว่าหินสามวาฬ เป็นบริเวณหน้าผาที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับวาฬที่ยื่นออกไปยังหน้าผา เรียงกัน 3 ก้อน ถ้าหากมองจากไกล ๆ จะดูคล้ายกับครอบครัวของวาฬ 3 ตัว ที่มีทั้ง พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ จุดนี้เองเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของภูสิงห์ ไปถ่ายรูปสวย ๆ ไฮไลท์คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ที่มีพื้นหลังเป็นผืนป่าสีเขียวที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ละถ้ามองให้ดีๆ อาจจะเห็นแม่น้ำโขงอยู่ไกลๆ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวสุด Unseen ที่ไม่อยากให้พลาดสำหรับใครที่มาเที่ยวบึงกาฬ

Share:

Leave a reply