ย้อนวันวาน สู่สมัยรัชกาลที่ ๕ “ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ ”

เมืองมัลลิกา วันหยุดยาวในปีนี้ สำหรับใครที่กำลังวางแผนพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อน และกำลังมองหาที่เที่ยวเหมาะ ๆ แอดขอแนะนำ “เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี สัมผัสกลิ่นอายความเป็นไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ ไปย้อนวันวานสู่ยุครุ่งเรืองในอดีตกันนะคะ

“เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔” ตั้งอยู่ที่ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองจำลองวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพื้นที่กว่า ๖๐ ไร่ รวบรวมเอาวัฒนธรรมต่าง ๆ อันเป็นรากเหง้าสำคัญของคนไทย ให้คุณได้สัมผัสและเรียนรู้ 

สำหรับใครที่สงสัยว่า “ร.ศ. ๑๒๔” คืออะไรกัน แอดจะมาตอบเพื่อคลายความสงสัยนะคะ ร.ศ.๑๒๔ หมายถึง ปีรัตนโกสินทร์ศก  ๑๒๔ เป็นปีที่สยามเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศเลิกทาส เพราะในสมัยนั้น ทาสมีจำนวนมากถึงหนึ่งในสามของประเทศ และพวกทาสเองก็ถูกกดขี่จากเจ้าขุนมูลนาย โดนเอารัดเอาเปรียบ พระองค์ทรงตระหนักถึงปัญหานี้ พระองค์เลยทรงคืนความเป็นไทให้แก่พวกทาสทั้งหลาย ให้ดำรงชีวิตด้วยตนเอง โดยที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้านายอีกต่อไป นับว่าเป็นพระราชกรณียกิจอันสำคัญยิ่งของพระพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 

ทราบประวัติกันมาอย่างคราว ๆ แล้ว ก็ถึงเวลาไปท่องเที่ยวย้อนอดีตภายในเมืองมัลลิกากันแล้วค่ะ แต่ก่อนที่จะเข้าไป เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดขอแนะนำให้ทุกท่านผลัดผ้ากันเสียก่อน มาสวมชุดไทยโบราณ หากเป็นผู้หญิงนั้นก็ห่มสไบกับโจงกระเบน หากเป็นผู้ชายก็สวนชุดกุยเฮงและเสื้อราชปะแตนคู่กับโจงกระเบน มือถือร่มโบราณบังแดดเสียหน่อย แลกเงินเป็นเงินรู เปลี่ยนคำพูดสักเล็กน้อยเป็น เจ้าคะ/ขอรับ ที่จะได้ยินจากผู้คนในเมืองมัลลิกา พร้อมแล้ว ไปท่องเที่ยวย้อนกาลเวลากันนะเจ้าคะ

 

? สถานที่น่าสนใจภายในเมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ ?

 

ห้องเล่าเรื่อง ✨

สถานที่จัดแสดงภาพถ่ายที่สะท้อนวิถีชีวิตคนไทยในอดีตเมื่อ 110 ปีก่อน คุณจะได้เรียนรู้และสัมผัสถึงประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งในเวลานั้นคนไทยได้มีการติดต่อกับชาวต่างชาติรวมถึงเหล่าทหารจากชาติตะวันตกเป็นจำนวนมาก สิ่งนี้ทำให้วิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนไป รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาปรับใช้ เช่น การแต่งกาย อาหาร เป็นต้น แต่ถึงแม้วัฒนธรรมทางตะวันตกจะเข้ามาสอดแทรกมากเพียงใด แต่คนไทยในสมัยนั้นก็ยังยึดมั่นในขนบธรรมเนียม ประเพณีของไทยอยู่อย่างมั่นคง เพื่อสืบสานให้รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราได้เข้าใจว่า ความเป็นไทยแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร

 

สะพานหัน   ✨

สะพานไม้ที่จำลองมาจากอดีต ลักษณะของตัวสะพานจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นติดกับที่ ส่วนอีกข้างหนึ่งจะไม่ตอกติดกับอะไรเลย เพื่อให้สามารถจับหันไปมาได้ เป็นที่มาของชื่อเรียก “สะพานหัน” แต่ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงให้สร้างใหม่ โดยเลียนแบบจากสะพานริอัลโตทีนครเวนิซ และที่ปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คือ เป็นสะพานไม้โค้งกว้าง สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน ซึ่งสะพานนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชอบเสด็จฯประพาสเมื่อมีผลไม้แห้งนำเข้ามาจากต่างประเทศ

 

ย่านการค้า ✨

ในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ มีย่านการค้าที่ขึ้นชื่อและทันสมัยสำหรับยุคนั้น ได้แก่ ย่านถนนแพร่งนรา ถนนแพร่งภูธร ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ และย่านบางรัก ซึ่งคุณจะได้พบกับอาคารบ้านเรือนสีสันต่าง ๆ ทั้ง ส้ม เหลือง แดง เรียงขนานกันไปสองฝั่งทางเดิน เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าโบราณมากมายที่หาชมและหาชิมได้ยากในปัจจุบัน อาทิ ขนมไทยโบราณอย่างบุหลันดั้นเมฆ ขนมเสน่ห์จันทน์ เป็นต้น 

 

 หอชมเมือง  ✨

จำลองมาจากหอคอยคุก ซึ่งเป็นหอคอยที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนีในอดีต แต่สำหรับเมืองมัลลิกา ที่นี่เอาไว้ชมทัศนียภาพโดยรอบว่า เมืองมัลลิกานั้นสวยงามมากเพียงใด โดยหอชมเมืองมีลักษณะเป็นหอคอยหลังคามู่ทู่ ตัวหอคอยมีสีขาวล้วนตัดกับหลังคาสีส้มอิฐ อยู่ถัดมาจากย่านการค้า แวะมาขึ้นหอชมเมืองกันสักนิด เพื่อให้เห็นความสวยงามของเมืองมัลลิกามุมสูงกันอย่างรอบทิศทางเลยนะคะ

 

เรือนคหบดี    ✨

สถาปัตยกรรมไทยโบราณ สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง เป็นเรือนของคนที่มีฐานะดี บนเรือนคหบดีนั้นจัดแสดงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของชนชั้นปกครอง ซึ่งจะมีกิจกรรมบนเรือนให้คุณได้ลองทำอย่างหลากหลาย เช่น การร้อยพวงมาลัย การจัดดอกไม้ การแกะสลักผลไม้ ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตในการทำ หากคุณได้มาลองทำกันแล้ว มันจะเป็นเหมือนการสงบจิตสงบใจ ทำให้คุณมีความใจเย็นมากยิ่งขึ้น มีสติมากขึ้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ

 

เรือนเดี่ยว ✨

เป็นเรือนชาวบ้าน ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่เรือนนี้คือคนชนชั้นกรรมาชีพ มีหน้าที่ ผลิตปัจจัยเบื้องต้นในการยังชีพอันได้แก่ การทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก สีข้าว ทอผ้า จักสาน อันเป็นอาชีพทั่วไปของชนชั้นนี้ ในเมืองมัลลิกา นั้นจะมีเรือนเดี่ยว เพื่อแสดงถึงวิถีของชาวบ้านในสมัย ร.ศ. ๑๒๔ ว่ามีวิถีชีวิตอย่างไร

 

โรงครัว   ✨

ที่นี่จะประกอบด้วย โรงสี ยุ้งข้าว โรงเตรียม แสดงกรรมวิธีการประกอบอาหารของผู้คนในสมัยนั้น ตั้งแต่การการฝัดข้าวด้วยกระด้ง สีข้าว ตำข้าวด้วยเครื่องที่ต้องอาศัยแรงของขานั้นกดลงไป เพื่อให้สากใบใหญ่นั้นลงมาตำข้าว พร้อมทั้งแสดงการหุงข้าวด้วยเตากระทะใบบัวแบบโบราณ และประกอบอาหารด้วยเตาถ่านทั้งสิ้น

 

ลานมะลิ ✨      

เนื่องจากเมืองมัลลิกา เมื่อไปค้นหาความหมายจากพจนานุกรมไทย แปลว่า มะลิ ซึ่งมะลินั้นถือได้ว่าเป็นดอกไม้ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการนำมะลิมาประกอบอาหารต่าง ๆ นำมะลิมาร้อยเป็นพวงมาลัย หรือนำมะลิมาทำเป็นข้าวของเครื่องใช้ ส่งกลิ่นหอมอบอวล และในประเทศไทยนั้น มีมะลิมากกว่าร้อยชนิด ซึ่งไม่เป็นที่ทราบกันในหมู่คนรุ่นหลัง ทางเมืองมัลลิกาจึงได้สร้างลานมะลิเพื่อรวบรวมมะลิสายพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อไว้ให้คุณได้ดูชมและได้ดมความหอมละมุนรื่นจมูก

 

“เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔” นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่มั้ยคะ ประกอบกับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะทำให้คุณได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรา อันเป็นรากเหง้าสำคัญของทุก ๆ คน เหมาะแก่การพาครอบครัวมาท่องเที่ยวย้อนยุคสู่สมัยรัชกาลที่ ๕ กับ เมืองมัลลิกา แห่งนี้กันนะคะ

 

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูล http://www.mallika124.com/

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม